วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

เร่งปรับปรุงประตูจุฬาลงกรณ์ ตั้งป้อมสกัดน้ำทะลักเมืองกรุง ยันระบายได้วันละ12ล้านลบ.ม.

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ (ปตร.) จุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยได้ทำการปรับปรุงเครื่องสูบน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ใหม่ทั้ง 2 สถานี จากเดิมเป็นเครื่องสูบน้ำจากขนาด 3 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) / วินาที เป็นขนาด 6 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งสิ้น 12 เครื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถสูบน้ำได้รวม 72 ลบ.ม./วินาที

นอกจากนี้ยังจะทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำใหม่แบบกึ่งถาวร ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที อีกจำนวน 12 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 36 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้ทั้งหมด 108 ลบ.ม./วินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายได้สูงสุดต่อวันคือ 9.33 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ศกนี้

ทั้งนี้สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ จะรับน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์เพื่อไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างก่อนที่ปริมาณน้ำจะเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ให้ออกทางแม่น้ำเจ้าพระยาและระบายลงสู่ทะเลอย่างต่อเนื่องจึงเป็นการเตรียมการป้องกันไม่ให้น้ำที่จะมาในฤดูน้ำหลากไหลเข้าท่วมพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออก

รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2555 - 2556 กรมชลประทานยังได้เตรียมแผนดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์เพิ่มเติม เป็นแบบสถานีสูบน้ำสองทาง โดยจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 6 เครื่อง สูบน้ำได้ 36 ลบ.ม. / วินาที อีกด้วย

"เมื่อการปรับปรุงทั้งหมดเสร็จสิ้นสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ จะมีความสามารถระบายน้ำรวมกันได้ 144 ลบ.ม./วินาที คิดเป็นปริมาณน้ำ 12.44 ล้านลบ.ม./วัน คาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและครอบคลุมไปถึงทางตอนล่าง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและกรุงเทพมหานครได้ นอกจากนี้ในด้านการเกษตร กรมชลประทานโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ ยังจะใช้สถานีสูบน้ำแบบสองทางทำการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรเพื่อทำการเพาะปลูกในฤดูฝนได้ประมาณ 350,000 ไร่ และในฤดูแล้งได้ประมาณ 240,000 ไร่อีกด้วย" นายเลิศวิโรจน์ กล่าว



ที่มา : แนวหน้า www.naewna.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น