วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เหมารถทำบุญ ถูกปาของโดนหัวเด็ก เทคนิคฉุนยิงสวน

นักศึกษาเทคนิคเหมารถสองแถวไปไหว้พระ ขณะจอดรอเพื่อนเจออริต่างสถาบันปาสิ่งของใส่ ถูกเด็ก 8 ขวบหัวแตก เพื่อนรุ่นพี่ฉุนชักปืนยิงสวน หนุ่มเทคโนฯ อาการสาหัส 1 ราย...



เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2555 เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ไกรวชิรสิทธิ์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.พรชัย จนวงษ์ รองผกก.ป. พ.ต.ท.มงคล จิตพรหม สว.สส. และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอีกจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุพบเพียงชาวบ้านยืนดูเหตุการณ์ และมีรอยเลือดตกอยู่บนพื้นถนน จากการสอบถามทราบว่าผู้บาดเจ็บถูกเพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน ช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมเวช ที่อยู่ใกล้เคียง ไปก่อนหน้าแล้ว โดยแพทย์ได้นำเข้าห้องฉุกเฉินช่วยชีวิตเป็นการด่วน ทราบชื่อต่อมาคือ นายนำพล ผ่อนตาม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าใต้ราวนมขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส

สอบสวน นายธนกฤช ชุติยาพงศ์ อายุ 18 ปี เพื่อนของนายนำพล ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและนายนำพล พร้อมทั้งนายไก่ (นามสมมติ) ได้เดินทางมาด้วยกัน โดยนายนำพลเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ มีตนและนายไก่นั่งซ้อนท้าย และมีเพื่อนๆ อีก 6-7 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันอีก 3 คัน โดยมีรถของนายนำพลขับอยู่ท้ายสุด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มองเห็นรถสองแถวคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี และมีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายหญิงประมาณกว่า 10 คนนั่งอยู่ในรถ ซึ่งคนอื่นๆ ขับรถผ่านไปแล้ว แต่ขณะนายนำพลกำลังจะขับรถผ่าน ก็มีเสียงตะโกนว่า "เฮ้ย!" พวกตนจึงหันไปมอง เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนกันตะโกนเรียก ก็เห็นวัยรุ่นคนหนึ่ง รูปร่างล่ำๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง ยื่นมือออกมานอกรถ แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่พวกตน 1 นัด กระสุนถูกนายนำพล ที่เป็นคนขับรถ จากนั้นรถคันดังกล่าวก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อนายนำพลถูกยิงจึงหยุดรถ จากนั้นตนก็เป็นคนขับพานายกำพลส่งโรงพยาบาลดังกล่าว

หลังการสอบสวนในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้วิทยุสั่งสกัดจับรถยนต์สองแถวคันที่ก่อเหตุ ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกปทุมว่า มีรถสองแถวยี่ห้อนิสสัน สีเขียวคาดขาว หมายเลขทะเบียน 10-1606 ปทุมธานี เข้ามาจอดในโรงพยาบาล และนำตัว ด.ช.ขวัญชัย ไม้ตรา อายุ 8 ขวบ มารักษาตัว เนื่องจากมีร่องรอยคล้ายถูกของแข็งปาถูกศีรษะจนแตก เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบ พบรถคันดังกล่าว ซึ่งตรงกับปากคำของผู้เสียหาย พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นเป็นหญิงอยู่ในรถ 10 คน จึงเชิญตัวคนทั้งหมดมาสอบสวน

ด้าน น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี กล่าวว่า พวกตนกำลังจะเดินทางไปไหว้พระและเที่ยวน้ำตกที่ จ.นครนายก โดยเหมารถสองแถวไป ในช่วงเกิดเหตุซึ่งรถจอดรอเพื่อนอีก 3 คน อยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ระหว่างนั้นก็มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาหลายคัน และจู่ๆ ก็ไม่ทราบว่าใครปาสิ่งของเข้ามาในรถจนถูกศีรษะบริเวณกกหูซ้ายของ ด.ช.ขวัญชัย ซึ่งเป็นหลานชายของตน ที่นั่งอยู่เบาะหลังด้านขวาจนหัวแตก จากนั้นนายวิษณุกร เฉยชุม อายุ 24 ปี เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเรียนที่วิทยาลัยเทคนิค แต่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่การไฟฟ้าฯ แห่งหนึ่ง และนั่งมาในรถเพื่อไปเที่ยวด้วยกัน ได้ตะโกนขึ้นแล้วก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา

ระหว่างนั้นก็เกิดชุลมุน เพราะคนขับรถได้รีบขับรถออกจากที่เกิดเหตุ โดยรถขับไปยังโรงพยาบาลเอกปทุม เพื่อส่ง ด.ช.ขวัญชัย ไปทำบาดแผลที่ถูกปา ส่วนนายวิษณุกรคนที่ใช้อาวุธปืนได้ลงจากรถ แล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป

หลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับตามเส้นทางต่างๆ แต่ยังไม่พบตัว ซึ่งจะได้ติดตามตัวนายวิษณุกร รวมทั้งสอบสวนอย่างละเอียดว่าใครเป็นคนขว้างปาสิ่งของเข้าไปในรถจนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.



ที่มา : ไทยรัฐ ออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/region/277512)

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ระทึก! รถปอ.504 ซิ่งพลิกเทกระจาดเจ็บระนาว 32


เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 24 มิ.ย. พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อินทร์เทศ พงส.(สบ2) งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถประจำทางพลิกตะแคงบริเวณหน้าบริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบรถประจำทางปรับอากาศสาย 504 วิ่งระหว่างรังสิต-สะพานกรุงเทพ ทะเบียน 14-4132 กรุงเทพมหานคร สภาพพลิกตะแคงขวา กระจกหน้าแตก มีผู้บาดเจ็บร้องโอดโอยจำนวนมาก จึงรีบปิดการถนน ส่งผลให้การจราจรติดขัดมาก จากนั้นรีบลำเลียงส่ง รพ.วิภาวดี 23 ราย เป็นหญิง 10 ชาย 13 สาหัส 1 ราย ทราบชื่อ น.ส.มลฤดี หนูเผ่า อายุ 30 ปี ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 9 คนถูกนำส่ง รพ.เปาโลเมมโมเรียม สะพานควาย ซึ่งต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แพทย์เยียวยาเบื้องต้นแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้

สอบสวนนายนฤชา สิทธิเอียมศักดิ์ อายุ 57 ปี คนขับรถคันดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับมาจากอู่ย่านรังสิต มีผู้โดยสารประมาณ 40 คน แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุกลับถูกรถเก๋งไม่ทราบรายละเอียดพุ่งจากเลนช่องทางด่วนมาปาดหน้า จึงหักหลบไปชนขอบทางจนพลิกคว่ำดังกล่าว แต่จากการสอบปากคำผู้โดยสารกลับให้การขัดแย้งกับคนขับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินราชการเสียหายและมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.




ที่มา : นสพ. เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/crime/121378

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สายไฟหม้อแปลงตก! ไหม้ชุมชน 8 ไร่ปทุมฯ วอด 10 หลัง


สายไฟแรงสูงขาดตกใส่กองเก็บของเก่าชุมชนแปดไร่ ย่านคลองหนึ่ง คลองหลวง จ.ปทุมธานี จนเกิดไฟไหม้บ้านเรือนกว่า 10 หลัง ประกอบกับมีลมแรงทางแคบใช้เวลาดับ 1 ชม.เพลิงจึงสงบ...

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 13 พ.ค. เกิดเหตุหม้อแปลงไฟระเบิดจนสายไฟฟ้าแรงสูงขาดตกใส่กองเก็บของเก่า บริเวณป่าหญ้ากกแห้งของชาวบ้านชุมชนแปดไร่ ซอย 1 หมู่ 16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กระทั่งเกิดเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนในชุมชน โดยรถดับเพลิงเทศบาลเมืองคลองหลวง เทศบาลเมืองท่าโขลง เทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองคูคต กว่า 10 คัน ระดมน้ำดับเพลิงควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลาม แต่ด้วยชุมชนดังกล่าวเป็นทางคับแคบมีรถจอดจำนวนมากทำให้รถดับเพลิงเข้าไปด้วยความลำบาก ประกอบกับมีลมแรงทำให้ไฟลุกลามไหม้บ้านเรือนไปกว่า 10 หลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาดับเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท


ด้าน ร.ต.อ.สมบูรณ์ ขอบโคกกรวด สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เบื้องต้นจะได้ให้ทางเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้ามาตรวจสอบสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบและสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า เกิดจากหม้อแปลงไฟระเบิดทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ ลามไปติดบ้านเรือนประชาชน และร้านรับซื้อของเก่า อย่างไรก็ตาม จะได้เรียกผู้เห็นเหตุการณ์รวมทั้งเจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ทั้งหมดมาสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.


ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/region/260125)

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แม่พาแฝดพี่รับโทษหลังตร.จับผิดตัว

แม่พาแฝดผู้พี่มามอบตัวกับตำรวจ หลังแฝดน้องโดนจับดำเนินคดีทำร้ายร่างกายที่พี่ก่อไว้จนศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี

นางบุญเกิด อุ่นวงษ์ อายุ 55 อยู่บ้านเลขที่12 ซอย 18 หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อร้องทุกข์ พร้อมนำนายอเนก อุ่นวงษ์ หรือบี อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกชาย มามอบตัวในคดีทำร้ายร่างกายโดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย.53 บริเวณซอย6หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ซึ่งหลังจากได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้มีการออกหมายจับนายเอนก ซึ่งต่อมาได้จับกุมตัวนายอานนท์ อุ่นวงษ์ หรือบอย ซึ่งเป็นแฝดผู้น้องไปดำเนินคดีโดยศาลได้ตัดสินจำคุก 4 ปี และติดมาแล้ว 14 เดือน ซึ่งคนที่ติดคุกนั้นคือนายอานนท์ ไม่ได้กระทำผิด

อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สภ.จุฬาลงกรณ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นคดีเก่าและศาลได้ตัดสินไปแล้วทำอะไรไม่ได้ ส่วนร้อยเวรเจ้าของคดีในขณะนั้นก็ได้ย้ายไปแล้วคงจะต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นางบุญเกิด กล่าวถึงข้อเท็จจริงกรณีตำรวจจับผิดตัวผิดฝาในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่19 พ.ย.53 นายอเนก ได้ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นที่ซอย 6 หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี และนายอเนกได้ใช้มีดดายหญ้าฟันคู่อริจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค.53 นายอานนท์ ซึ่งฝาแฝดผู้น้องได้ขับรถจักรยานยนต์ไปถูกจับที่เขต สภ.เมืองปทุมธานี เมื่อทางตำรวจได้ดูเอกสารภายในตัวนายอานนท์ปรากฏว่านายอานนท์ได้พกเอกสารของนายเอนกติดตัวไปด้วย ซึ่งทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกัน เมื่อทางตำรวจได้ตรวจเอกสารปรากฏว่านายเอนกมีหมายจับอยู่ จึงได้ควบคุมตัวส่งมายัง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แม้ว่าพยายามชี้แจงกับตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ว่าจับกุมผิดตัวแต่ตำรวจก็ไม่ยอมเชื่อ พร้อมกับส่งฟ้องศาลถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 4 ปี

ด้านนายเอนก กล่าวว่า ยินดีที่จะรับโทษตามที่ได้ก่อไว้ส่วนน้องชายนั้นเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จึงอยากแสดงความรับผิดชอบตรงนี้เพราะสงสารน้องที่ต้องดูแลลูกที่ยังเล็กและต้องดูแลครอบครัว ซึ่งตนเองนั้นพร้อมที่จะรับผิดตามที่ได้กระทำไว้ทุกอย่างขอให้ทางตำรวจหรือว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทำการทบทวนเพื่อให้น้องชายได้พ้นผิด



ที่มา : โพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/อาชญากรรม/152792/แม่พาแฝดพี่รับโทษหลังตร-จับผิดตัว

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เพลิงไหม้ปริศนา! เผาวอดบ้านพักย่านรังสิตกว่า 40 หลังคา

เพลิงไหม้ปริศนาเผาวอดบ้านเรือนประชาชนภายในซอยรังสิต-ปทุมฯ 4 กว่า 40 หลังคา และพบว่ามีรถยนต์ และรถ จยย.ที่ถูกความร้อนจากเพลิงไหม้จำนวน 13 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย...

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 1 พ.ค. พ.ต.ท.จำนงค์ กองตาพันธุ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน ภายในซอยรังสิต-ปทุมฯ 4 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบช่วยเหลือ หลังได้รับแจ้ง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลเมืองคลองหลวง อบต.หลักหก กว่า 10 คัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านต่างพากันขนข้าวของหนีกันจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต่างระดมฉีดน้ำเข้าไปยังตัวบ้านที่ไฟกำลังลุกไหม้ โดยในเบื้องต้นได้ไหม้บ้านที่ปลูกอยู่ริมบึงใหญ่ไปกว่า 40 หลังคา โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่าต้นเพลิงมาจากบ้านใด จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีรถยนต์ และรถ จยย.ที่ถูกความร้อนจากเพลิงไหม้จำนวน 13 คัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำส่งโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ไปก่อนหน้านี้แล้ว

พ.ต.ท.จำนงค์ กองตาพันธุ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 (ศพฐ.1) เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร และจะได้เรียกผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบสวนอีกครั้งว่า บ้านตนเพลิงเป็นบ้านของใคร.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/region/257150


จุดเกิดเหตุคือฝั่งตรงข้ามคอนโดฟิวเจอร์เพลส ซ.รังสิต-ปทุมธานี 8 หรือซอยประปา


ดู ไม่มีชื่อ ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

เร่งปรับปรุงประตูจุฬาลงกรณ์ ตั้งป้อมสกัดน้ำทะลักเมืองกรุง ยันระบายได้วันละ12ล้านลบ.ม.

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ (ปตร.) จุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยได้ทำการปรับปรุงเครื่องสูบน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ใหม่ทั้ง 2 สถานี จากเดิมเป็นเครื่องสูบน้ำจากขนาด 3 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) / วินาที เป็นขนาด 6 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งสิ้น 12 เครื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถสูบน้ำได้รวม 72 ลบ.ม./วินาที

นอกจากนี้ยังจะทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำใหม่แบบกึ่งถาวร ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที อีกจำนวน 12 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 36 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้ทั้งหมด 108 ลบ.ม./วินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายได้สูงสุดต่อวันคือ 9.33 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ศกนี้

ทั้งนี้สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ จะรับน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์เพื่อไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างก่อนที่ปริมาณน้ำจะเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ให้ออกทางแม่น้ำเจ้าพระยาและระบายลงสู่ทะเลอย่างต่อเนื่องจึงเป็นการเตรียมการป้องกันไม่ให้น้ำที่จะมาในฤดูน้ำหลากไหลเข้าท่วมพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออก

รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2555 - 2556 กรมชลประทานยังได้เตรียมแผนดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์เพิ่มเติม เป็นแบบสถานีสูบน้ำสองทาง โดยจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 6 ลบ.ม./วินาที จำนวน 6 เครื่อง สูบน้ำได้ 36 ลบ.ม. / วินาที อีกด้วย

"เมื่อการปรับปรุงทั้งหมดเสร็จสิ้นสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ จะมีความสามารถระบายน้ำรวมกันได้ 144 ลบ.ม./วินาที คิดเป็นปริมาณน้ำ 12.44 ล้านลบ.ม./วัน คาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและครอบคลุมไปถึงทางตอนล่าง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและกรุงเทพมหานครได้ นอกจากนี้ในด้านการเกษตร กรมชลประทานโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ ยังจะใช้สถานีสูบน้ำแบบสองทางทำการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรเพื่อทำการเพาะปลูกในฤดูฝนได้ประมาณ 350,000 ไร่ และในฤดูแล้งได้ประมาณ 240,000 ไร่อีกด้วย" นายเลิศวิโรจน์ กล่าว



ที่มา : แนวหน้า www.naewna.com

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

ระทึก!ทัวร์พลิกคว่ำหน้าฟิวเจอร์รังสิต

รถทัวร์คลิกคว่ำหน้าฟิวเจอร์รังสิต ผู้โดยสารเจ็บระนาว คนขับสารภาพหลับใน

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 9 มี.ค.54 พ.ต.ท..ประสิทธิ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเกิดเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย เหตุเกิดบริเวณถนนพหลโยธิน ขาเข้า ก่อนถึงห้างฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ประมาณ 200 เมตร ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งรุดไปตรวจสอบร่วมกับ หน่วยแพทย์กู้ชีพ รพ.ประชาธิปัตย์ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่วยแพทย์กู้ชีพบัวเพชร

ในที่เกิดเหตุบริเวณเส้นทางคู่ขนาน ก่อนถึงหน้าห้างฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตประมาณ 200 เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นเส้นทางที่มีทางต่างระดับมุ่งหน้าตัวจังหวัดปทุมธานี อีกด้วย เจ้าหน้าที่พบรถทัวร์โดยสารสีส้มขาว ของบริษัท บขส.จำกัด หมายเลขทะเบียน 14-6489 กทม.พลิกคว่ำตะแคงข้างอยู่ด้านข้างถนน และพบผู้โดยสารจำนวนมากกำลังตะเกียกตะกาย ออกจากตัวรถ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลือนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลปทุมเวช และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ที่อยู่ใกล้เคียง ในเบื้องต้นนั้นพบว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ปลอดภัย มีเพียงผู้โดยสารบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

นายบุญส่ง จำเนียรนันท์ อายุ 62 ปี ผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถคันเกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเองนั่งรถมาจากจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้ามาที่กรุงเทพฯ และจะไปบ้านลูกชายที่ที่ย่านบางแค โดยรถก็ได้วิ่งมาตามปกติ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตนเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ยินเสียงดังคล้ายรถไปชนกับสิ่งของบางอย่าง และทำให้รถสั่นไปทั้งคันและก็ตะแคงพลิกคว่ำลงทางด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จึงได้ช่วยผู้โดยสารปีนออกจากตัวรถทางประตูฉุกเฉิน ตนเองยังคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากยางระเบิด

ด้านนายณัฐพล สอนธรรม อายุ 53 ปี ผู้ขับรถทัวร์โดยสารคันเกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเองนั้นขับรถคันที่เกิดเหตุออกจากจังหวัดพิษณุโลก เมื่อเวลา 20.00 น. โดยรถคันนี้เป็นรถทัวร์โดยสารชั้น 1 เป็นรถด่วน โดยรับผู้โดยสารจากจังหวัดพิษณุโลกมุ่งหน้าเข้า กทม.โดยไม่แวะจอดรับส่งผู้โดยสารตามรายทางแต่อย่างใด มีทั้งสิ้นจำนวน 48 คน แต่เมื่อตนเองขับมาจนใกล้จะถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางแยกและเป็นทางต่างระดับที่จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดปทุมธานี ตนเองเกิดอาการวูบไป จนทำให้ตัวรถทางด้านขวาปีนขึ้นไปบนราวสะพานต่างระดับ จนรถเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางดังกล่าว ทั้งนี้ตนเองนั้นขับรถจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปพิษณุโลก และขับกลับมา ซึ่งคงเพราะพักผ่อนน้อยจึงเกิดอาการวูบ ดังกล่าว



ที่มา : http://www.posttoday.com/อาชญากรรม/142246/ระทึก-ทัวร์พลิกคว่ำหน้าฟิวเจอร์รังสิต